โรคลมชักในเด็ก อาการที่ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

 
 
 

          โรคลมชัก (Epilepsy) เป็นความผิดปกติของระบบประสาทที่ทำให้เกิดอาการชักซ้ำ ๆ โดยไม่ได้เกิดจากสาเหตุกระตุ้น เช่น ไข้สูง หรือ การบาดเจ็บที่ศีรษะในทันทีสำหรับในเด็กการมีอาการชักเกิดขึ้นได้หลายลักษณะและสาเหตุ อาจส่งผลต่อพัฒนาการและคุณภาพชีวิตของเด็กได้ คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจเพื่อให้สามารถรับมือ ดูแล และป้องกันไม่ให้อาการของลูกแย่ลง

อาการที่ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที 

  • อาการชัก นานเกิน 5 นาที

  • เด็กไม่รู้สึกตัว หลังจากชักหยุดไปแล้ว

  • มีอาการชักติดต่อกันหลายครั้ง โดยไม่ฟื้น

  • เด็กหายใจลำบาก ตัวเขียว หรือหมดสติไม่ตอบสนอง

  • เป็นอาการชักครั้งแรก ซึ่งไม่เคยมีประวัติมาก่อน

  • เด็กได้รับบาดเจ็บ ระหว่างชัก เช่น ศีรษะกระแทก พบรอยฟกช้ำ หรือมีกระดูกผิดรูป

          การปฐมพยาบาลที่ถูกต้องจะช่วยให้เด็กปลอดภัย และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากอาการชักได้อย่างมาก ควรฝึกและเตรียมความพร้อมไว้เสมอ โดยเฉพาะผู้ปกครองและครูผู้ดูแลเด็ก 

การวินิจฉัยโรคลมชัก

          การวินิจฉัยโรคลมชักต้องอาศัยการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียด คุณหมอจะสอบถามลักษณะอาการชักเริ่มจากส่วนใดของร่างกาย ระยะเวลา ความถี่ มีการหมดสติหรือไม่ ระหว่างชักมีการเคลื่อนไหวแบบใด รวมถึงสอบถามถึงปัจจัยกระตุ้น พร้อมตรวจร่างกายทั่วไป

  1. การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalogram: EEG)
    ใช้ตรวจหาความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าสมอง ซึ่งช่วยแยกชนิดของโรคลมชักเพื่อตรวจจับความผิดปกติของคลื่นสมองที่อาจเกิดขึ้นระหว่างหรือหลังชัก อาจมีการกระตุ้นด้วยแสงกะพริบ หรือให้หายใจเร็ว เพื่อกระตุ้นให้คลื่นผิดปกติปรากฏ

  2. การตรวจภาพสมองด้วย MRI หรือ CT scan
    ตรวจดูโครงสร้างสมองเพื่อค้นหาความผิดปกติ เช่น เนื้องอก พังผืด รอยแผล หรือความผิดปกติแต่กำเนิด MRI มักให้ภาพที่ละเอียดกว่า เหมาะสำหรับเด็กที่สงสัยว่ามีความผิดปกติของสมอง

  3. การตรวจอื่น ๆ
    อาจเจาะเลือดหรือตรวจอื่น ๆ เพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติม เช่น การติดเชื้อ หรือความผิดปกติของเกลือแร่ในเลือด

          การแยกโรคลมชักออกจากภาวะอื่น เช่น ลมบ้าหมูหลอก (Pseudoseizure), การสะดุ้ง หรืออาการทางจิตเวชบางชนิด ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์เฉพาะทางด้านประสาทวิทยาในเด็กในการประเมิน

          ที่มา : โรงพยาบาลพญาไท